สูตรวิธีทำหมูสะเต๊ะ รสเด็ด (Pork Satay)
สูตรอาหารไทยหมูสะเต๊ะ(PorkSatay) เป็นเมนูอาหารภาคใต้ที่ได้รับความนิยมไปทั่วทุกภาคด้วยเป็นอาหารที่ทานง่ายมีความหอมอร่อยเป็นเอกลักษณ์เฉพาะด้วยเครื่องเทศมากมายทว่าถ้าจะให้หมูสะเต๊ะอร่อยครบสูตรนอกจากการหมักเนื้อให้หอมนุ่มอร่อยแล้วก็ต้องทานเคียงกับอาจาดแก้เลี่ยนพร้อมกับน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะเข้มข้นรสเด็ดก็ช่วยเพิ่มอรรถรสความอร่อยกลมกลมของหมูสะเต๊ะได้อย่างลงตัวสุดๆสำหรับใครที่ชอบทานหมูสะเต๊ะห้ามพลาดวันนี้เราได้นำสูตรวิธีทำหมูสะเต๊ะเด็ดๆ มาฝากเหมาะมากที่จะทำทานในวันหยุดหรืองานสังสรรค์หรือนึกหิวก็มาทำทานได้เลย(^_^)...อีกเมนูที่ทำไม่ยากครับ...แต่อาจจะต้องเตรียมวัตถุดิบเครื่องปรุงหลายอย่างอยู่บ้าง…ไปดูกันเลย
สำหรับการทำหมูสะเต๊ะให้อร่อยเด็ดครบสูตรในส่วนขั้นตอนการทำนั้นเราอาจต้องการความพิถีพิถันอยู่บ้างตั้งแต่การเลือกหมูอย่างไรการหมักหมูซึ่งเป็นส่วนสำคัญมากเพราะส่งผลต่อรสชาติและความแข็งนุ่มนิ่มของเนื้อหมูรวมถึงเทคนิคการหมักทิ้งข้ามคืนในอุณหภูมิที่ต้องจำกัดอยู่ในความเย็นรวมทั้งขั้นตอนการนำหมูเสียบไม้จะต้องมีการเสียบหมูอย่างไรให้หมูที่ย่างออกมาดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้นส่วนการย่างหมูก็มีส่วนสำคัญต้องย่างในไฟขนาดไหนถึงจะกำลังสุกน่าทานตลอดจนขั้นตอนการทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะเด็ดๆที่เราก็ได้รวบรวมคำแนะนำเหล่านี้มาไว้ที่นี่แล้ว…
วิธีทำหมูสะเต๊ะ
เครื่องปรุงและส่วนผสมหมูสะเต๊ะ
ขอขอบคุณภาพจาก: GreenMelon
สำหรับการทำหมูสะเต๊ะให้อร่อยเด็ดครบสูตรในส่วนขั้นตอนการทำนั้นเราอาจต้องการความพิถีพิถันอยู่บ้างตั้งแต่การเลือกหมูอย่างไรการหมักหมูซึ่งเป็นส่วนสำคัญมากเพราะส่งผลต่อรสชาติและความแข็งนุ่มนิ่มของเนื้อหมูรวมถึงเทคนิคการหมักทิ้งข้ามคืนในอุณหภูมิที่ต้องจำกัดอยู่ในความเย็นรวมทั้งขั้นตอนการนำหมูเสียบไม้จะต้องมีการเสียบหมูอย่างไรให้หมูที่ย่างออกมาดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้นส่วนการย่างหมูก็มีส่วนสำคัญต้องย่างในไฟขนาดไหนถึงจะกำลังสุกน่าทานตลอดจนขั้นตอนการทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะเด็ดๆที่เราก็ได้รวบรวมคำแนะนำเหล่านี้มาไว้ที่นี่แล้ว…
วิธีทำหมูสะเต๊ะ
เครื่องปรุงและส่วนผสมหมูสะเต๊ะ
- เนื้อหมูนำมาแล่เป็นชิ้น(ขนาดประมาณขนาด2x6ซม.)500กรัม
- (แนะนำให้ใช้เป็นหมูสันนอกหรือเนื้อหมูส่วนสะโพก…หากเป็นเนื้อหมูรุ่นจะดีมากเพราะเนื้อหมูจะนุ่ม)
- ลูกผักชีคั่วให้หอม1½ช้อนโต๊ะ(ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ครับ…ถ้าใส่จะหอมดี)
- ลูกยี่หร่าคั่วให้หอม½ช้อนโต๊ะ
- ข่าสับพอหยาบๆ1ช้อนชา
- ตะไคร้ซอย1½ช้อนโต๊ะ
- หัวกะทิ½ถ้วย
- ผงขมิ้น1ช้อนขา(ถ้ากลัวไม่เหลืองให้ใส่เพิ่มได้แล้วแต่ชอบ)
- ผงกะหรี่1ช้อนชา
- น้ำตาลทรายนวล1½ช้อนโต๊ะ
- พริกไทดำป่น1/2ช้อนชา(ถ้าไม่มีใช้พริกไทขาวแทนก็ได้)
- เกลือป่น1ช้อนชา
- ไม้เสียบหมูสะเต๊ะ
- ผงฟู½ช้อนชาหรือน้ำสัปปะรด2ช้อนโต๊ะ(ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้…เพื่อให้เนื้อหมูนุ่มๆเด้งๆ)
เครื่องปรุงน้ำกระทิพรมหมูสะเต๊ะ
- หัวกะทิ1ถ้วย
- นมสดหรือนมสดตราคาร์เนชั่น/ตรานกเหยี่ยว1ถ้วย
วิธีทำ: นำหัวกระทิและนมสดมาผสมให้เข้ากันทำไว้สำหรับพรมสะเต๊ะขณะย่างที่ทำแปรงพรมด้วยใบเตยฉีก
วิธีทำหมูสะเต๊ะ
วิธีทำหมูสะเต๊ะ
- โขลกลูกผักชีคั่วลูกยี่หร่าคั่วจนละเอียดจากนั้นใส่ข่าตะไคร้โขลกให้เข้ากันจนละเอียดดีแล้ว
- นำเครื่องที่โขลกใส่ลงไปในอ่างเนื้อหมู…(จากข้อ1)จากนั้นก็ใส่น้ำตาลหัวกระทิผงขมิ้นผงกะหรี่พริกไทป่นผงฟูเกลือป่นและน้ำตาลทรายคลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากันดีด้วยการคลุกเคล้าขยำๆเบาๆควรนวดนานๆเพื่อให้เครื่องหมักซึมเข้าเนื้อหมูได้ดียิ่งขึ้น
- จากนั้นนำหมูไปใส่กล่องพลาติกนำไปแช่ในตู้เย็นช่องแข็งแล้วหมักทิ้งไว้3-4ชั่วโมงหรือจะหมักข้ามคืนก็ได้ยิ่งดี(การแช่ใว้ในความเย็นนานๆ…จะทำให้น้ำหมักหมูดูดซึมเข้าไปในเนื้อมาก…จะทำให้เนื้อหมูนุ่มดีค่ะ)
- เมื่อครบ3ชั่วโมงแล้ว นำมาเสียบไม้พักไว้ในตู้เย็นจนกระทั่งจะปิ้งหรือถ้ายังไม่ทานให้ห่อให้สนิทแล้วนำเข้าแช่ในช่องแข็งแล้วจึงนำออกมาพักในตู้เย็นช่องธรรมดาจนอ่อนตัวลง…แล้วจึงค่อยนำไปปิ้ง
- วิธีย่างหมูสะเต๊ะคือก่อนที่จะอย่างหมูสะเต๊ะให้นำหมูที่เสียบไม้แล้วนำมาชุบในน้ำพรมหมูสะเต๊ะที่เตรียมไว้แล้วจึงนำไปอย่างด้วยไฟปานกลาง(ห้ามใช้ไฟอ่อนหมูจะแข็งไม่อร่อย)แล้วขณะที่ย่างให้พรมน้ำกระทิ(ที่เตรียมไว้)ลงบนหมูสะเต๊ะขณะปิ้งเล็กน้อยและหมั่นพลิกหมูบ่อยๆให้สุกทั่วกันควรย่างให้พอสุกจะได้สะเต๊ะหมูเนื้อนุ่มละมุน(ถ้าย่างนานเกินไปเนื้อจะแห้งหยาบไม่อร่อย)และควรย่างกับเตาถ่านหรือเตาบาบีคิวจะได้กลิ่นหอมอร่อยมากยิ่งขึ้น
- จัดหมูสะเต๊ะใส่จานเสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะและอาจาดหรือจะทำขนมปังปิ้งร้อนๆด้วยก็ยิ่งอิ่มอร่อยมากขึ้น
แนะนำเพิ่มเติม
อาจาด(สูตรอร่อยเข้มข้นกำลังดี)
สำหรับน้ำจิ้มอาจาดรสอร่อยกำลังดีนั้นรสชาติจะออกเปรี้ยวๆตัดด้วยรสหวานและเค็มนิดๆพร้อมด้วยกลิ่นหอมๆจากหอมแดงและสีสันจากผักและพริกที่ใส่ลงไปน้ำจิ้มใสๆข้นนิดๆน่ากินนักเชียวแถมวิธีทำก็ไม่ยาก…สามารถอร่อยได้ง่ายๆกับสูตรดังนี้
เครื่องปรุงและส่วนประกอบ
-น้ำส้มสายชู½ถ้วย
-น้ำตาลทราย¼ถ้วย(+2ช้อนโต๊ะ)(เพิ่มหรือลดได้นิดหน่อยขึ้นอยู่กับน้ำส้มสายชูที่ใช้)
-น้ำสะอาด⅓ถ้วย+2ช้อนโต๊ะ
-เกลือป่น1ช้อนชา
-แตงกวาเลือกเอาลูกเล็ๆผ่าครึ่งสไลด์บาง100กรัม
-ผักชีเด็ดเป็นใบสำหรับโรยหน้าเล็กน้อย
-พริกชี้ฟ้าสีแดงหั่นแฉลบบางๆ1เม็ด
-พริกชี้ฟ้าสีแดงหั่นแฉลบบางๆ1เม็ด
-หอมแดงลอกเปลือกซอยบางๆ2หัว
วิธีทำอาจาด
- ควรใช้เวลาที่เครื่องหมักหมูอย่างต่ำต้อง3-5ชม.ถ้าหมักค้างคืนได้จะยิ่งดี
- อีกเคล็ดลับของร้านหมูสะเต๊ะชื่อดังคือการหมักหมูที่ต้องแช่ในถังน้ำแข็งที่ใช้เป็นนำแข็งป่นเท่านั้นห้ามแช่ช่องฟรีซเด็ดขาด(ซึ่งน่าจะมีส่วนทำให้เนื้อหมูนุ่มยิ่งขึ้นและน้ำหมักดูดซึมเข้าไปในเนื้อหมูได้ดียิ่งขึ้น)…ยังไงถ้ามีโอกาสลองนำไปทำดูนะครับ
- สูตรนี้นอกจากใช้ทำหมูสะเต๊ะแล้วยังสามารถประยุกต์ใช้ทำเนื้อสะเต๊ะไก่สะเต๊ะได้ด้วย
- หมูสะเต๊ะเวลาเสียบไม้ให้เสียบแบบงูเลื้อยจะดีเนื่องจากเวลาปิ้งออกมาจะดูน่าทาน
- หมูต้องมีติดมันหน่อยก็จะดีเพราะไม่งั้นปิ้งออกมาจะดูไม่งาม
- ก่อนที่จะนำไม้หมูสะเต๊ะมาใช้…ควรนำไปแช่น้ำอย่างน้อยซัก30นาทีหรือแช่น้ำค้างคืนไว้ก่อนยิ่งดีเพื่อไม่ให้ไม้ไหม้หรือดำขณะย่างและจะทำให้เสียบง่ายขึ้น
อาจาด(สูตรอร่อยเข้มข้นกำลังดี)
สำหรับน้ำจิ้มอาจาดรสอร่อยกำลังดีนั้นรสชาติจะออกเปรี้ยวๆตัดด้วยรสหวานและเค็มนิดๆพร้อมด้วยกลิ่นหอมๆจากหอมแดงและสีสันจากผักและพริกที่ใส่ลงไปน้ำจิ้มใสๆข้นนิดๆน่ากินนักเชียวแถมวิธีทำก็ไม่ยาก…สามารถอร่อยได้ง่ายๆกับสูตรดังนี้
เครื่องปรุงและส่วนประกอบ
-น้ำส้มสายชู½ถ้วย
-น้ำตาลทราย¼ถ้วย(+2ช้อนโต๊ะ)(เพิ่มหรือลดได้นิดหน่อยขึ้นอยู่กับน้ำส้มสายชูที่ใช้)
-น้ำสะอาด⅓ถ้วย+2ช้อนโต๊ะ
-เกลือป่น1ช้อนชา
-แตงกวาเลือกเอาลูกเล็ๆผ่าครึ่งสไลด์บาง100กรัม
-ผักชีเด็ดเป็นใบสำหรับโรยหน้าเล็กน้อย
-พริกชี้ฟ้าสีแดงหั่นแฉลบบางๆ1เม็ด
-พริกชี้ฟ้าสีแดงหั่นแฉลบบางๆ1เม็ด
-หอมแดงลอกเปลือกซอยบางๆ2หัว
วิธีทำอาจาด
- ใส่น้ำน้ำตาลทรายน้ำส้มสายชูลงในหม้อแล้วตั้งไฟเคี่ยวให้น้ำตาลและเกลือละลาย
- จากนั้นชิมให้ได้สามรสเปรี้ยวเค็มหวานหรือเปรี้ยวหวานเค็มแล้วแต่ชอบ
- จากนั้นพักไว้ให้เย็นก่อนเวลาจะเสิร์ฟถึงค่อยใส่แตงกวาหอมแดงพริกชี้ฟ้าและผักชีลงในถ้วย…แล้วตักน้ำที่เคี่ยวไว้ลงไปผสมแล้วน้ำอาจาดเสิร์ฟพร้อมกับสะเต๊ะและน้ำจิ้มสะเต๊ะ
- ถ้าจะให้ดีควรจะแยกผักกับน้ำจิ้มอาจาดไว้นะถึงเวลาเสิร์ฟแล้วค่อยตักรวมกันป้องกันผักเฉาและรักษาความกรอบจะได้แตงที่กรอบอร่อยกว่า
ขอขอบคุณภาพจาก: GreenMelon
เมนูอื่นๆที่น่าสนใจ